Pristine
Pristine คือ เครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีการผลัดเซลล์ผิวหนังที่ เรียกว่า Microdermabrasion โดยใช้หัวขัดผิวที่เป็น Diamond ร่วมกับการใช้ระบบดูดสุญญากาศ (vacuum) ทำให้สามารถผลัดเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้าออกได้อย่างมีประสิทธิภาพและนุ่มนวล
Pristine จะทำการผลัดเซลล์ผิวออกในขณะที่มีการ suction ผิวเบาๆเพื่อกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตของผิวที่ทำการรักษา และกระตุ้นให้มีการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรงขึ้นด้วย
โดยสามารถทำการรักษาได้ในทุกสภาพผิว ในทุกส่วนของร่างกาย เช่น ใบหน้า ลำคอ มือ และบริเวณลำตัว
ข้อดี
ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาประเทศอเมริกา (US FDA)และประเทศไทย (THAI FDA)
ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการรักษาทั้งผิวหน้าและผิวกาย
เป็นการรักษาที่ไม่เจ็บและไม่มีผลข้างเคียง
เป็นการรักษาที่สะอาดและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้
เห็นผลการรักษาที่ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกของการรักษา
ทำไมต้อง Pristine
เพราะ Pristine ใช้ Tip ที่เป็น Diamond Tip ซึ่งมีทั้งขนาดและความละเอียดที่แตกต่างกันเพื่อใช้สำหรับการรักษาที่หลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งสำหรับผิวหน้า และผิวกาย รวมถึงสำหรับในบริเวณที่ผิวมีความไวต่อความรู้สึกต่างกัน หรือแม้แต่บริเวณที่ผิวบอบบางไม่เท่ากัน ทั้งนี้ Pristine สามารถทำการรักษาได้ดังนี้
ริ้วรอยต่างๆ (fine lines & wrinkles)
รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวและรอยแผลเป็นต่างๆ (Acne &trauma scars)
รูขุมขนกว้าง ( Enlarged pores)
สิวหัวดำและสิวหัวขาว (Blackheads&whiteheads)
จุดด่างดำจากการโดนแสงแดดทำลาย (Sunspots)
ผิวไม่เรียบเนียน (Uneven skin texture)
การดูแลผิวหลังการรักษา
หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัดๆ และความร้อนที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดรอยหมองคล้ำ
ควรทาครีมกันแดดหลังทำการรักษา
หลังเข้ารับการรักษา อาจมีอาการผิวแห้ง หรือลอกเป็นขุย แนะนำให้ทาครีมบำรุงผิวเพิ่มขึ้น
ไม่ควรอาบน้ำร้อนจัดๆ อบซาวน์น่า หรืออบไอน้ำ หลังทำการรักษาอย่างน้อย 1-2 วัน
ไม่แนะนำให้ออกกำลังกายหนักๆ ที่เป็นสาเหตุให้เหงื่อออกมากๆ หลังทำการรักษา
ไม่ควรใช้ครีม หรือสารเคมีสำหรับลอกผิวหลังทำการรักษาอย่างน้อย 1-2 วัน
ระมัดระวังไม่ให้ผิวบริเวณที่ทำการรักษาสัมผัสกับความร้อนโดยตรง เช่น การใช้ไดร์ เป่าผม
ไม่ควรทำการกำจัดขนหรือฉีดคอลลาเจน ในบริเวณที่ทำการรักษาอย่างน้อย 5 วัน
หยุดใช้ยา Retin-A หรือวิตามิน A ชนิดเข้มข้นหลังการรักษา 7 วัน
งดการอาบแดดอย่างน้อย 3 สัปดาห์หลังการรักษา
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม โปรดขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้ให้การรักษา